เพราะพื้นที่ในปัจจุบันคงจะขยายตามแนวกว้างไม่ได้ซะแล้ว ฉะนั้นจึงต้องยกขึ้นให้สูงขึ้น เพื่อทุกคนจะได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง การตกแต่งพื้นที่ขนาดเล็กเป็นสิ่งที่ท้าทาย เพราะทุกอย่างดูเหมือนมันจะบังคับไปหมด ไหนจะเรื่องเฟอร์นิเจอร์ เรื่องของสีที่จะใช้ จะทำอย่างไรให้มันคงประโยชน์ใช้สอยที่ครบครัน และสวยงาม
อย่างเพิ่งหงุดหงิดกับปัญหาเหล่านี้ มันจัดการได้ด้วยไอเดียสุดอลังการที่เรานำมาบอกต่อ เพื่อจัดสรรบันส่วนให้พื้นที่เล็กๆ ของคุณนั้นลงตัว ด้วยการวางแผนจัดการกับเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจควักกระเป๋า และต้องคำนึงถึงสีและแสงสว่าง เพราะมันเป็นตัวการสำคัญที่จะกำหนดให้พื้นที่เล็กของคุณนั้นดูกว้างขึ้น
วางแผน วางแผน!
สิ่งแรกที่คุณจะต้องทำไม่ใช่การเดินออกไปหาซื้อสิ่งต่างๆ แต่อย่างใด หากคุณอยู่ร่วมบ้านกับใครสักคน สิ่งที่ควรทำก่อนเป็นอันดับแรกคือ นั่งลงแล้วจับเข่าคุยกันเกี่ยวกับการจัดลำดับความสำคัญของแต่ละบุคคล ที่จะต้องใช้พื้นที่ต่างๆ ภายในห้อง
คุยกันให้เคลียร์แล้ววางแผนร่วมกัน หลังจากนั้นปรับเข้าสู่โหมดลงมือทำ โดยยังไม่ต้องไปวิตกกับเรื่องของงบประมาณ
เลือกให้ดี ดูความเหมาะสม
อย่าพยายามนำโซฟาตัวใหญ่ๆ เข้ามาตั้งให้มันเป็นเกาะกลางห้อง ลองคิดดูว่า คุณคงไม่ใช้เวลาทั้งวันนั่งอยู่บนโซฟาเป็นแน่ หากนั่งจริงๆ ก็เพียงแค่เสี้ยวเดียวเท่านั้น แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรที่จะเลือกมันมาให้ขวางหูขวางตา ควรมองหาเก้าอี้
ตัวเล็กๆ ซึ่งมันก็มีหลายแบบที่ให้ความนุ่มสบายเหมือนกัน อีกทั้งยังสามารถเลือกได้อีกตั้งหลายตัว
เพื่อความสบายกว่า
แน่นอน การจัดการกับพื้นที่เล็กนั้น ต้องพยายามเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีลักษณะเตี้ย เพื่อช่วยพลางสายตา และเปิดความโล่งให้กับห้องของคุณ การหาเบาะที่แสนนุ่มมาจัดไว้ซักมุมหนึ่งของห้อง เพื่อเป็นมุมแห่งความใกล้ชิดของคุณทั้งสองก็เก๋ไม่หยอก
ซ้ำยังนั่งเหยียดแขน ขา ได้อย่างสุดแสนสบาย
สีรักจากใจ
หากคุณรักในแนวสีที่ให้ความสว่าง โล่งสบาย แล้วล่ะก็แจ๋วเลย เพราะมันเป็นวิธีที่สามารถช่วยให้ห้องเล็กของคุณนั้นดูกว้างขึ้นมาอีกโข ควรเลือกใช้สีโทนเย็น เช่น ฟ้าอ่อน และเขียวอ่อน รวมถึงผ้าม่านกับลวดลายของผ้าก็เช่นกัน ควรเลือกใช้สีโทนเดียวกันเพื่อความกลมกลืน เช่น สีครีมกับสีขาว ฟ้าอ่อน เขียวอ่อน และเหลืองอ่อน ล้วนจัดเป็นโทนสีที่จะช่วยเปิดพื้นที่เล็กนั้นให้ดูกว้างขึ้น
เปิดทุกอย่างที่เป็นไปได้
อย่างแรกคือเปิดพื้นที่ให้กว้าง นอกจากการเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีลักษณะเตี้ยแล้ว การจัดวางควรเลือกวางแบบชิดผนัง เพื่อเปิดพื้นที่ตรงกลางให้โล่งเข้าไว้ หากคุณตั้งของแบบเป็นเกาะกลางล่ะก็ รับรองได้ติดเกาะสมใจ เพราะทางเดินจะแคบ และดูอึดอัด
ต่อมาต้องไม่วางสิ่งใดที่เป็นการบังหน้าต่าง หากเป็นโต๊ะหรือเก้าอี้ ก็ควรให้มันมีระดับที่พอดีกันกับขอบหน้าต่าง เพื่อเปิดทางรับแสงจากภายนอก คุณอาจเพิ่มเติมความสว่างให้กับชั้นหนังสือด้วยก็ได้ ติดไฟดาวไลท์ดวงเล็ก ก็สามารถให้ความรู้สึกที่กว้างขึ้นได้เช่นกัน
ความลงตัวของ ผนัง และเฟอร์นิเจอร์
สีของผนังกับเฟอร์นิเจอร์ ควรเลือกใช้โทนเดียวกัน แต่เลือกเฉดที่มีความอ่อนแก่ต่างกันนิดหน่อย เช่น หากผนังของคุณเป็นสีฟ้าอ่อน ก็ควรเลือกเฟอร์นิเจอร์โทนสีฟ้าเทอร์ควอยซ์บางๆ นอกจากจะดูลงตัวแล้ว ยังสร้างความโดดเด่นให้กับเฟอร์นิเจอร์
อีกด้วย จากนั้นก็จัดการกับส่วนที่เหลือ เช่น บานประตู หรือขอบหน้าต่าง ด้วยสีโทนเดียวกัน
เติมอีกนิด แต่งอีกหน่อย
เพิ่มประกายและการสะท้อนด้วยการใช้กระจก เพียงแค่หากระจกบานโตมาวางพิงไว้ที่พื้น ควรวาง โดยให้ขอบล่างของบานกระจกห่างจากผนังนิดหน่อย ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีสุดเลิศที่จะสะท้อนพื้นที่ให้ดูกว้าง หรืออาจจัดเพิ่มไปอีก โดยหาโต๊ะเตี้ยที่มี
ชั้นวางเป็นกระจกก็เข้าท่า แต่ควรเป็นรูปทรงที่ธรรมดาอย่างสี่เหลี่ยมจะดีที่สุด
ลดความยุ่งเหยิง
ควรเลือกใช้ของน้อยชิ้นแต่มีฟังก์ชั่นครบครันจะดีที่สุด เช่นโต๊ะเตี้ยก็อาจจะมีชั้นด้านข้างสำหรับใส่หนังสือสุดโปรด เตียงนอนที่มีลิ้นชักไว้เก็บของ เป็นต้น และที่สำคัญ เฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นควรมีรูปทรงที่เรียบง่าย เพราะจะช่วยเปิดพื้นที่และให้ความรู้สึกที่เรียบง่ายให้กับห้องคุณ
ชีวิตที่เรียบง่าย
เน้นความรู้สึกที่เรียบง่ายในการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ และลวดลายที่เรียบๆ เพราะการใช้ลวดลายและสีสันที่ฉูดฉาด จะทำให้ห้องดูอึดอัดจนเกินไป แต่หากคุณอยากเติมความมีชีวิตชีวาสักหน่อย เพราะสิ่งที่กล่าวมาอาจไม่ใช่สไตล์คุณ งั้นลองหา
ผ้าปูโต๊ะสีที่คุณชอบ แต่ขอเพียงแค่มีความโปร่งก็พอ อย่าใช้ผ้าแบบทึบและหนา แล้วเปลี่ยนผ้าม่านเป็นสีที่ชอบ โดยเลือกผ้าที่มีความโปร่งแสงจะดีที่สุด เพราะจะให้ความรู้สึกที่นุ่มนวลและพริ้วไหว สามารถเติมอารมณ์ที่ปลอดโปร่งได้ดีเช่นกัน
Article by Omyim
ที่มาข้อมูล : www.e-magazine.info
