เบื่อกันไหม กับข่าวลือที่หลุดออกมาทุกปี แบบนี้...
“ลือ iPhone รุ่นต่อไปแพงขึ้น”
“สามหมื่นชัวร์ ๆ เพิ่มนั่นเพิ่มนี่มาเยอะขนาดนี้”
“เมืองนอกเค้าขายถูก เดี๋ยวเข้าไทยมาก็แพงอยู่ดี”
วันนี้เราจะมาวิเคราะห์กันง่าย ๆ ว่าทำไมบรรดาข่าวลือที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ถึง “ผิด” และไม่มีเหตุผลใด ๆ มารองรับข่าวลือเหล่านี้เลย...
[ ประเด็นที่ 1 ] วิถีของ Apple คือการใช้หลัก “เพิ่มความสามารถ แต่คงราคาเดิมไว้”
สิ่งที่ Apple ยึดมาตลอดเลย คือหลักในการ “ยึดราคาขายเดิมเป็นหลัก” แต่เพิ่มความสามารถให้กับผลิตภัณฑ์เข้าไปเรื่อย ๆ
หลักการนี้ จะทำให้สินค้ายังคงอยู่ในระดับ High-End สมกับแบรนด์ Apple เองได้ เพราะเมื่อราคาสินค้าอยู่ในระดับสูงเท่าเดิม ไม่มีการลดราคาพร่ำเพรื่อ เวลาคนนึกถึง “Apple” ก็ย่อมที่จะนึกถึงสินค้าที่หรูหรา เป็นสินค้าเทคโนโลยีที่เน้นแฟชันนั่นเอง
Apple นั้นใช้หลักการนี้มาโดยตลอด ไม่ว่าจะกับคอมพิวเตอร์ Mac หรือ iPod เวลามีการเปิดตัวสินค้าใหม่ประจำปี ก็จะมีการปรับเพิ่มสเป็คให้ดีขึ้น เพิ่มความสามารถใหม่ ๆ แต่ราคาของ Mac และ iPod กลับไม่เคยต่ำลงกว่าคู่แข่งในตลาดเลย
iPhone เองก็เช่นเดียวกัน ตั้งแต่ iPhone 4 เริ่มวางจำหน่ายเครื่องเปล่าในสหรัฐฯ ก็ถูกตั้งราคาไว้ ดังนี้
-
iPhone 3GS รุ่น 8GB : $499
-
iPhone 4 รุ่น 16GB : $649
-
iPhone 4 รุ่น 32GB : $749
เมื่อ iPhone 4S วางจำหน่าย Apple เลือกที่จะตรึงราคา iPhone ไว้ และเพิ่มเติมความสามารถให้กับ iPhone 4S
นอกจากนั้น Apple ได้ปรับราคา iPhone 3GS ลงมา เพื่อบุกตลาดโทรศัพท์มือถือระดับกลาง (จากเดิมที่ iPhone บุกตลาดระดับสูงมาโดยตลอด) เราจึงเห็นว่า Apple มี iPhone ขายพร้อมกันถึง 5 รุ่น ในปีนี้ ได้แก่
-
iPhone 3GS รุ่น 8GB : $375
-
iPhone 4 รุ่น 8GB : $549
-
iPhone 4S รุ่น 16GB : $649 (สังเกตว่า ราคาขายยังเท่า iPhone 4)
-
iPhone 4S รุ่น 32GB : $749
-
iPhone 4S รุ่น 64GB : $849
ในเมื่อ iPhone ราคาคงเดิม แทบไม่เปลี่ยนแปลง (หรือเปลี่ยนแปลงน้อยมาก) มาโดยตลอดแบบนี้
ข่าวลือที่ว่า iPhone ราคาแพงขึ้น สามหมื่นสี่หมื่นบาท คงไม่เป็นจริงอย่างแน่นอนครับ
[ ประเด็นที่ 2 ] ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นเรื่อย ๆ ในปีที่ผ่านมา “เงินบาทแข็ง ซื้อของนอกได้ถูกลง”
(ภาพประกอบจาก: Business Report Thailand)
หลายคนอาจจะงงกับคำว่า “ค่าเงินบาทแข็ง” ลองนึกภาพตามครับ
ก่อนหน้านี้ ถ้าเรามีเงิน 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เราจะแลกเงินบาทได้ 35 บาท ถูกไหมครับ
พอมาวันนี้ เรามีเงิน 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่าเดิม เราจะแลกเงินบาทได้เพียง 30 บาท
เหตุการณ์นี้เราเรียกว่า “การแข็งค่าของเงินบาท” เพราะ 1 ดอลลาร์เท่าเดิม แต่กลับแลกเงินบาทได้น้อยลง
แต่ในทางกลับกัน หากมองในมุมของคนที่ใช้เงินบาท ซื้อสินค้าต่างประเทศที่มีราคาเป็นดอลลาร์สิครับ
ก่อนหน้านี้ เราต้องมีเงิน 35 บาท จึงจะซื้อสินค้าราคา 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ได้
พอมาวันนี้ เรามีเงินเพียง 30 บาท เราก็ซื้อสินค้าชิ้นเดิมในราคา 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ได้แล้ว!!!
iPhone ก็เข้าข่ายนี้เช่นกัน เมื่อ Apple ตั้งราคา iPhone เท่าเดิมมาโดยตลอด (649 ดอลลาร์ฯ ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) นั่นหมายความว่า คนไทยได้ซื้อ iPhone ในราคาถูกลงจากการแข็งค่าของเงินบาทนั่นเอง
เรามาดูอัตราแลกเปลี่ยนย้อนหลังกัน
ค่าเงินบาท ธ.ค. 2551
ประมาณ 35.00 บาท ต่อดอลลาร์ฯ (ช่วงก่อน iPhone 3G เข้าไทย)
จะต้องใช้เงิน 35.00 x $649 = 22,715 บาท ในการซื้อ iPhone 3G 1 เครื่อง
(ราคา iPhone 3G ในไทย ณ เวลานั้น เคาะราคาที่ 23,275 บาท)
22,715 ต่อ 23,275 บาท ราคาคำนวณไม่ต่างกับราคาขายจริงมากใช่ไหมครับ? ลองดูกันต่อ
ค่าเงินบาท ส.ค. 2552
ประมาณ 33.90 บาท ต่อดอลลาร์ฯ (ช่วงก่อน iPhone 3GS เข้าไทย)
จะต้องใช้เงิน 33.90 x $649 = 22,000 บาท ในการซื้อ iPhone 3GS 1 เครื่อง
(ราคา iPhone 3GS ในไทย ณ เวลานั้น เคาะราคาที่ 22,900 บาท)
22,000 ต่อ 22,900 บาท ตั้งราคาห่างกันไม่ถึงหนึ่งพันบาทเลย
ค่าเงินบาท ส.ค. 2553
ประมาณ 31.70 บาท ต่อดอลลาร์ฯ (ช่วงก่อน iPhone 4 เข้าไทย)
จะต้องใช้เงิน 31.70 x $649 = 20,573 บาท ในการซื้อ iPhone 4 1 เครื่อง
(ราคา iPhone 4 ในไทย ณ เวลานั้น เคาะราคาที่ 20,650 บาท)
20,573 ต่อ 20,650 บาท แทบจะได้ราคาเดียวกับสหรัฐฯ แล้วนะครับ!!!
ค่าเงินบาท พ.ย. 2554
ประมาณ 30.50 บาท ต่อดอลลาร์ฯ (ช่วงก่อน iPhone 4S เข้าไทย)
จะต้องใช้เงิน 30.50 x $649 = ...
กดเครื่องคิดเลขกันได้เท่าไหร่ครับ?
.
.
.
.
อย่าตกใจตัวเลขนะ
.
.
.
.
19,794
ใช่แล้วครับ เราใช้เงินเพียง 19,794 บาท ณ เวลานี้ ในการซื้อ iPhone 4S 1 เครื่อง!!!
เห็นตัวเลขนี้แล้ว อดคิดไม่ได้ว่า ราคาขายจริง จะเคาะออกมาเท่าไร หากจะตั้งให้สวย ๆ ก็หมื่นเก้าพันเก้าร้อย แต่อีกไม่กี่วัน เราได้รู้ตัวเลขจริง ๆ กันครับ...
